วันจันทร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

พระยาขุนคางเหล็ก


phatthalung ประวัติพระยาคางเหล็กหรือพระยาพัทลุง (ขุนคางเหล็ก)
ระยาคางเหล็ก

ระยาคางเหล็ก เป็นนักปกครองที่มีความสามารถสูง ดังจะเห็นได้จากการปรับเปลี่ยนท่าทีตามนโยบายของส่วนกลางมาตลอด เช่น ในสมัยกรุงธนบุรี ได้เปลี่ยนวิธี อิสลามมานับถือพุทธศาสนา ต่างเล่ากันว่าเมื่อพระเจ้ากรุงธนบุรีรับสั่งถามขุนนางที่เข้าเฝ้าอยู่ว่า “ใครจะตามเสด็จขึ้นสวรรค์ได้บ้าง” ผู้เข้าเฝ้าต่างคนต่างนิ่งอยู่ แต่พระยาคางเหล็กกราบทูลว่า “เป็นอันเหลือวิสัยผู้หาบุญมิได้ จะตามเสด็จ ขึ้นสวรรค์ในเวลาที่มีชีวิตอยู่ ข้าพระพุทธเจ้าจะได้ตามเสด็จเมื่อหาชีวิตไม่แล้ว” พระเจ้ากรุงธนบุรีโปรดฯ ว่าพูดถูกนี่เป็นคำพูดที่กล้าทูล จึงได้รับนามว่า “คางเหล็ก” แม้จะมีการเปลี่ยนแผ่นดินในปี พ.ศ.๒๓๒๕ พระยาคางเหล็ก ก็ยังได้รับพระกรุณา โปรดเกล้าฯ จากรัชกาลที่ ๑ ให้คงรับราชการเป็นเจ้าเมืองพัทลุงต่อไป และได้ส่งธิดาไปถวายตัวเป็นเจ้าจอมด้วย คือเจ้าจอมมารดากลิ่น ในพระองค์เจ้าสุทัศน์ (ต้นสกุลสุทัศน์ ณ อยุธยา)

นอกเหนือจากเป็นนักปกครองที่มีความสาารถสูงแล้ว พระยาคางเหล็กยังเป็นนักรบที่กล้าหาญ เช่น เมื่อคราว “สงครามเก้าทัพ” ใน พ.ศ.๒๓๒๘ ได้ร่วมมือกับพระมหาช่วย พระภิกษุผู้มีความรู้ทางไสยศาสตร์แห่งวัดป่าเลไลย์ ปลุกระดมมหาชนชาวพัทลุงต่อสู้พม่า เพื่อปกป้องแผ่นดินไว้ด้วยชีวิต ต่อจากนั้นได้เป็นแม่กองทัพเรือคุมทัพเมืองพัทลุงและเมืองจะนะ ยกไปตีเมืองปัตตานีร่วมกับทัพหลวง จนตีเมืองปัตตานีได้ในที่สุด

รวมเวลาที่พระยาคางเหล็กว่าราชการเมืองพัทลุงอยู่ ๑๗ ปี โดยถึงแก่อนิจกรรมเมื่อปี พ.ศ.๒๓๓๒ แม้ท่านจะทำคุณงามความดี ให้แก่เมืองพัทลุงเป็นเวลานานแล้วก็ตามแต่ คุณงามความดี ความเด็ดเดี่ยวกล้าหาญ ความซื่อสัตย์ของท่าน ยังอยู่ในความทรงจำของชาว พัทลุงสืบไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น